Digital Workplace คือ การทำงานรูปแบบใหม่ ที่นำเครื่องมือทางดิจิทัลเข้ามาใช้งาน เพื่อให้การทำงานในองค์กรสะดวก คล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้อยู่ในออฟฟิศก็ตาม แถมการใช้เครื่องมือดิจิทัลยังช่วยประหยัดเวลา และในทุกการทำงานผ่านเครื่องมือดิจิทัลจะทำการบันทึกข้อมูลไว้แบบอัตโนมัติ ลดการทำงานที่ผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
แต่การเปลี่ยนบริษัทธรรมดาให้กลายเป็นบริษัทรูปแบบ Digital Workplace จำเป็นต้องมีหลายปัจจัยด้วยกัน 1 ในนั้นคือเทคโนโลยี ที่ควรมีสำหรับ Digital Workplace เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และตามทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
5 เทคโนโลยีที่ต้องมี ก่อนเข้าสู่ Digital Workplace
1. Internet of Things (IoT)
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน เพราะทุกสิ่ง ทุกอย่างรอบตัวล้วนสามารถเชื่อมต่อได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสาร การส่งข้อความ ข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้คุณสามารถนำอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริษัทของคุณ เช่น การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในออฟฟิศผ่านแอปพลิเคชั่น หรือการแชร์ไฟล์งานออนไลน์และสามารถแก้ไขแบบ Real-Time หรือการประชุมทางไกลที่ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนก็สามารถประชุมงานกับทีมงานหรือลูกค้าของคุณได้
2. Cloud Computing
ระบบประมวลผลและเก็บข้อมูล Cloud ถือเป็นระบบที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย พร้อมระบบดูแลรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ให้คุณจัดการงานได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หากบริษัทของคุณมีแผนจะแปลงโฉมเป็น Digital Workplace การมีระบบ Cloud จะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และช่วยให้การทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. Big Data Analytics
รู้หรือไม่ว่า Big Data ในบริษัทของคุณ สามารถนำมาวิเคราะห์ และปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ ความสนใจของแต่ละคน แม้กระทั่งขั้นตอนที่ทำให้ปิดการขายของลูกค้าได้สำเร็จ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้มีจำนวนมาก คุณควรหาเทคโนโลยี Data Analytics ที่จะช่วยรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล เปลี่ยนจากข้อมูลเอกสารของลูกค้าให้กลายเป็นข้อมูลดิจิทัล ให้คุณจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น และปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ โดยเครื่องมือเทคโนโลยีที่รวบรวมข้อมูล อย่างเช่น Microsoft Dynamic 365 ที่รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า และคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับการตลาดของคุณได้
4. Security and Data Protection
ถึงแม้การทำงานแบบ Digital Workplace จะช่วยให้คุณทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าที่ไหนก็ทำงานได้ เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา เรียกว่าเป็นการทำงานที่ค่อนข้างเปิดกว้าง อิสระในการใช้อุปกรณ์เข้าถึงระบบและข้อมูล แต่ส่วนนี้ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าการทำงานแบบ Digital Workplace จะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องและดูแลความปลอดภัยของข้อมูล จำกัดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เพื่อป้องกันข้อมูลของบริษัทรั่วไหลออกไป
5. Virtual Reality (VR)
เทคโนโลยี Virtual Reality หรือ VR เป็นเทคโนโลยีจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง เช่น วิดีโอ ภาพ เสียง ผ่านอุปกรณ์อย่าง เมาส์ แว่นตา ทั้งนี้ VR เองสามารถเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนบริษัททั่วไปให้กลายเป็น Digital Workplace ได้ โดยเฉพาะกับบริษัทดีไซเนอร์ บริษัทออกแบบ ที่สามารถใช้ VR เพื่อจำลองสินค้า และให้แสดงผลในรูปแบบภาพสามมิติ นอกจากจะส่งผลดีต่อบริษัทแล้ว ตัว VR ยังมีส่วนช่วยทำยอดขายให้บริษัท ในการดึงดูด และลูกค้าได้ทดลองสินค้าก่อนตัดสินใจซื้ออีกด้วย
สรุป
หากคุณกำลังมีแผนที่จะปรับบริษัทให้เข้าสู่การทำงานแบบ Digital Workplace คุณควรมี 5 เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้
ท้ายที่สุด หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทเข้าสู่ Digital Workplace ได้อย่างสมบูรณ์ 1 ในเครื่องมือที่คนทั่วโลกไว้ใจและเลือกใช้ คือ Microsoft Dynamic 365 ระบบเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัท ที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น ปรับกลยุทธ์การตลาดตามที่คุณต้องการ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโต ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย